เกริ่นนำ
........
ดวงอาทิตย์ แต่ก่อน เขาเรียกกันว่าอะไร อาจจะเรียกว่า ที่ส่องแสงสว่าง หรือ ดวงไฟที่น่ากลัว ในเวลาค่ำคืน ตอนที่แสงสว่างไม่ส่อง แล้วแสงหายไปไหน แล้ว ความมืด มันมาจากที่ไหนกันนะ......ตอนกลางวันที่มีดวงอาทิตย์..เวลาเราหลับตา ทำไมมันถึงมืดได้ ทั้งที่เป็นตอนกลางวัน แล้วความมืดมันมาจากไหน มันอยู่ตรงไหน .....ความมืดคืออะไร แล้วทำไมคนถึงกลัวความมืด เช่นที่ป่าช้า ในเวลากลางวัน ทำไมไม่กลัว แต่ พอตกกลางคืน มืดค่ำ ไม่มีแสง ทำไม ถึงกลัวกัน
แล้วเวลานั่งสมาธิ ถ้าหลับตาแล้วอยู่กับความมืด มันทำให้จิตใจเราคิดอะไรได้ต่างๆนาๆ ทำไม ความมืด ถึง แสดงออกถึงความกลัว ความไม่น่าสัมผัส
แต่ทำไมเวลาคนเราจะนอนหลับ จะพักผ่อน ถึงต้อง หลับ...ให้เลยความมืดที่ตาหลับ แต่ยังต้องการ เลยความมืด อีก ก็คือ การลืมทุกสิ่ง หลับอย่างวางใจวางกาย ลืมสติ ลืมความจำได้หมายรู้ ไม่อยากจำอะไรอยากหลับ อยากลืม อยากไม่มีสติ ...แล้วถ้าคนเรา หลับไม่ลง หลับแล้ว จิตยังตื่นอยู่ สติยังมีอยู่ มันก็ หลับไม่ได้ น่ะสินะ....ถ้าเป็นแบบนี้...หลับไม่ลง สติไม่หลับ จิตไม่หลับ มีใครอยากเป็นแบบนี้บ้างครับ....หลับตาแล้วไม่มืด แต่ หลับตาแล้ว ยังสว่างโล่อยู่ สติรู้อยู่ จิตรู้มันตื่น ไม่หลับ ...สว่างทั้งที่ยังหลับตา มีใครอยากเป็น บ้างครับ...
นี่แหล่ะ เวลา ที่เราตาย แล้ว สติไม่ตาย จิตไม่ตาย มันรู้ มันตื่น มันไม่ดับจิต...ความทรงจำไม่ลืม ยังมีความจำได้หมายรู้ อยู่ ...สว่างอยู่ มันก็ไม่ตายจริงสินะครับ
แล้วเวลาที่นั่งสมาธิ แล้วพบกับความมืด ท่านกลัวอะไรมั้ย แล้ว พากันนั่งเพื่อเห็นแสง เห็นความสว่าง เพื่อหนีความมืดในใจ ..หลับตาแต่ไม่มืด นอนหลับแต่ตื่นอยู่ ตายแล้วไม่ดับ...มันปกติมั้ยครับ
........
โลก...ก้อนโลก ก้อนดาว ก้อนอังคาร ก้อนอุกกาบาต(ทำไมวิ่งได้) ก้อนดาวหาง( ทำไมวิ่งได้และมีแสง)
ที่จริงแล้ว(อันนี้ผมสงสัยเอง) โลกเราหมุนรอบดวงอาทิตย์ จริงหรือ หรือ ดวงอาทิตย์หมุนรอบ โลกเรา...โลกเราหมุนรอบตัวเองน่ะไช่ แล้วถ้าโลก มันหมุนและโคจรจริง แต่ไม่ได้โคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่ เป็นโคจร รอบดวงจันทร์ แทนล่ะ มันเป็นไปได้มั้ย
คำว่าโลก คือ โลกวัฏฏะสงสาร แสดงว่า โลกนี่แหล่ะที่หมุนรอบตัวเอง ที่เคลื่อนที่เท่านั้น แล้วถ้าดวงจันทร์คือ แกนหมุนล่ะ เป็นไปได้มั้ย เพราะ เวลาทั้งปี ที่พสกันคิดว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ แล้วทำไม กลุ่มดาว ดางดาวทั้งหลาย ทำไม ยัง อยู่ตำแหน่งเดิม อยู่จุดเดิม เรียงในแนวเดิมล่ะ ดาวไถ ก็ยังเป็นดาวไถ..ดาวเหนือก็ยังเป็นดาวเหนือ ดาวจรเข้ก็ยังเป็นดาวจรเข้ ไม่เห็น เปลี่ยน ตำแหน่ง เปลี่ยนจุดเลย ดาวอื่นๆ ก็ยังคงอยู่ในที่ของมัน ก็แสดงว่า โลกไม่ได้วิ่งไปไหน ไม่ได้วิ่งรอบดวงอาทิตย์ แต่ที่จริงแล้ว ดวงอาทิตย์ วิ่งรอบโลกเรา วิ่งรอบดาวทั้งหลาย
เวลาที่เรานั่งรถ ในระยะทางไกลๆ สภาพแวดล้อม ยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ รถวิ่งเร็ว เรานั่งในรถ...แต่ที่เปลี่ยนที่เคลื่อน กลับเป็น ทิวทัศน์ข้างทางเหมือนกับรถที่เรานั่ง ไม่ได้เคลื่อนที่....แต่ทำไมดาว ยังเหมือนเดิม
ถามว่าระยะทางจากโลกไปดวงอาทิตย์ หรือจากดวงอาทิตย์ มายังโลก ใครไปวัดครับ...คนที่วัดได้ เคยไปแตะสัมผัสดวงอาทิตย์มั้ยครับ ถึงวัดระยะทางได้..แล้วพวกคุณเชื่อเรื่องนี้หรือเปล่าครับ...และทฤษฏีความเร็วแสง คุณเชื่อหรือไม่ครับ ว่า แสงวิ่งได้ แสงเดินทางได้ คุณเชื่อหรือเปล่าครับ แล้วเวลาที่เราหลับตา แสงมันหายไปได้ยังไง แล้วความมืดเวลาหลับตา ความมืดมันมาจากไหน ความมืดมันวิ่งมาจากไหน เวลาลืมตา แสงก็มา แสงมาจากไหน มันวิ่งมาจากไหน ...เวลามืด เวลาหลับตา ความมืดมันวิ่งมาจากไหน มันเดินทางมาจากไหนครับ มีแต่ทฤษฏีความเร็วแสงเท่านั้นหรือครับ แล้วทฤษฏีความเร็วของความมืด ไม่มีหรือครับ
........
ดวงอาทิตย์ แต่ก่อน เขาเรียกกันว่าอะไร อาจจะเรียกว่า ที่ส่องแสงสว่าง หรือ ดวงไฟที่น่ากลัว ในเวลาค่ำคืน ตอนที่แสงสว่างไม่ส่อง แล้วแสงหายไปไหน แล้ว ความมืด มันมาจากที่ไหนกันนะ......ตอนกลางวันที่มีดวงอาทิตย์..เวลาเราหลับตา ทำไมมันถึงมืดได้ ทั้งที่เป็นตอนกลางวัน แล้วความมืดมันมาจากไหน มันอยู่ตรงไหน .....ความมืดคืออะไร แล้วทำไมคนถึงกลัวความมืด เช่นที่ป่าช้า ในเวลากลางวัน ทำไมไม่กลัว แต่ พอตกกลางคืน มืดค่ำ ไม่มีแสง ทำไม ถึงกลัวกัน
แล้วเวลานั่งสมาธิ ถ้าหลับตาแล้วอยู่กับความมืด มันทำให้จิตใจเราคิดอะไรได้ต่างๆนาๆ ทำไม ความมืด ถึง แสดงออกถึงความกลัว ความไม่น่าสัมผัส
แต่ทำไมเวลาคนเราจะนอนหลับ จะพักผ่อน ถึงต้อง หลับ...ให้เลยความมืดที่ตาหลับ แต่ยังต้องการ เลยความมืด อีก ก็คือ การลืมทุกสิ่ง หลับอย่างวางใจวางกาย ลืมสติ ลืมความจำได้หมายรู้ ไม่อยากจำอะไรอยากหลับ อยากลืม อยากไม่มีสติ ...แล้วถ้าคนเรา หลับไม่ลง หลับแล้ว จิตยังตื่นอยู่ สติยังมีอยู่ มันก็ หลับไม่ได้ น่ะสินะ....ถ้าเป็นแบบนี้...หลับไม่ลง สติไม่หลับ จิตไม่หลับ มีใครอยากเป็นแบบนี้บ้างครับ....หลับตาแล้วไม่มืด แต่ หลับตาแล้ว ยังสว่างโล่อยู่ สติรู้อยู่ จิตรู้มันตื่น ไม่หลับ ...สว่างทั้งที่ยังหลับตา มีใครอยากเป็น บ้างครับ...
นี่แหล่ะ เวลา ที่เราตาย แล้ว สติไม่ตาย จิตไม่ตาย มันรู้ มันตื่น มันไม่ดับจิต...ความทรงจำไม่ลืม ยังมีความจำได้หมายรู้ อยู่ ...สว่างอยู่ มันก็ไม่ตายจริงสินะครับ
แล้วเวลาที่นั่งสมาธิ แล้วพบกับความมืด ท่านกลัวอะไรมั้ย แล้ว พากันนั่งเพื่อเห็นแสง เห็นความสว่าง เพื่อหนีความมืดในใจ ..หลับตาแต่ไม่มืด นอนหลับแต่ตื่นอยู่ ตายแล้วไม่ดับ...มันปกติมั้ยครับ
........
โลก...ก้อนโลก ก้อนดาว ก้อนอังคาร ก้อนอุกกาบาต(ทำไมวิ่งได้) ก้อนดาวหาง( ทำไมวิ่งได้และมีแสง)
ที่จริงแล้ว(อันนี้ผมสงสัยเอง) โลกเราหมุนรอบดวงอาทิตย์ จริงหรือ หรือ ดวงอาทิตย์หมุนรอบ โลกเรา...โลกเราหมุนรอบตัวเองน่ะไช่ แล้วถ้าโลก มันหมุนและโคจรจริง แต่ไม่ได้โคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่ เป็นโคจร รอบดวงจันทร์ แทนล่ะ มันเป็นไปได้มั้ย
คำว่าโลก คือ โลกวัฏฏะสงสาร แสดงว่า โลกนี่แหล่ะที่หมุนรอบตัวเอง ที่เคลื่อนที่เท่านั้น แล้วถ้าดวงจันทร์คือ แกนหมุนล่ะ เป็นไปได้มั้ย เพราะ เวลาทั้งปี ที่พสกันคิดว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ แล้วทำไม กลุ่มดาว ดางดาวทั้งหลาย ทำไม ยัง อยู่ตำแหน่งเดิม อยู่จุดเดิม เรียงในแนวเดิมล่ะ ดาวไถ ก็ยังเป็นดาวไถ..ดาวเหนือก็ยังเป็นดาวเหนือ ดาวจรเข้ก็ยังเป็นดาวจรเข้ ไม่เห็น เปลี่ยน ตำแหน่ง เปลี่ยนจุดเลย ดาวอื่นๆ ก็ยังคงอยู่ในที่ของมัน ก็แสดงว่า โลกไม่ได้วิ่งไปไหน ไม่ได้วิ่งรอบดวงอาทิตย์ แต่ที่จริงแล้ว ดวงอาทิตย์ วิ่งรอบโลกเรา วิ่งรอบดาวทั้งหลาย
เวลาที่เรานั่งรถ ในระยะทางไกลๆ สภาพแวดล้อม ยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ รถวิ่งเร็ว เรานั่งในรถ...แต่ที่เปลี่ยนที่เคลื่อน กลับเป็น ทิวทัศน์ข้างทางเหมือนกับรถที่เรานั่ง ไม่ได้เคลื่อนที่....แต่ทำไมดาว ยังเหมือนเดิม
ถามว่าระยะทางจากโลกไปดวงอาทิตย์ หรือจากดวงอาทิตย์ มายังโลก ใครไปวัดครับ...คนที่วัดได้ เคยไปแตะสัมผัสดวงอาทิตย์มั้ยครับ ถึงวัดระยะทางได้..แล้วพวกคุณเชื่อเรื่องนี้หรือเปล่าครับ...และทฤษฏีความเร็วแสง คุณเชื่อหรือไม่ครับ ว่า แสงวิ่งได้ แสงเดินทางได้ คุณเชื่อหรือเปล่าครับ แล้วเวลาที่เราหลับตา แสงมันหายไปได้ยังไง แล้วความมืดเวลาหลับตา ความมืดมันมาจากไหน ความมืดมันวิ่งมาจากไหน เวลาลืมตา แสงก็มา แสงมาจากไหน มันวิ่งมาจากไหน ...เวลามืด เวลาหลับตา ความมืดมันวิ่งมาจากไหน มันเดินทางมาจากไหนครับ มีแต่ทฤษฏีความเร็วแสงเท่านั้นหรือครับ แล้วทฤษฏีความเร็วของความมืด ไม่มีหรือครับ
สิ่งที่เล็กที่สุด ที่พบคือ...อะตอม ในอะตอม มีนิวเครียส(เรียกกันอย่างนั้น)และรอบๆมี ขั้วบวกกับขั้วลบ โปรตรอน นิวตรอน.....ถามว่า อะตอม..มันหยุดนิ่งหรือ มันเคลื่อนอยู่ครับ
ในพืชที่เล็กที่สุดคือเซลล์ ถามว่าเซลล์มันนิ่งหรือ มันเคลื่อนอยู่ครับ
ไม้เกาหลัง..ตะปู.ถามว่า มันนิ่งหรือมั่นเคลื่อนครับ
การนับ 1 ถึง 100 ถ้า 100คือ จุดจบ ดังนั้น ถ้าการนับ คือการเติบโต..ก็แสดงว่าเป็นการเติบโต ไปสู่จุดดับ จุดเสื่อม...ถ้าจะนับแบบ การนับ ถอยหลัง จาก 100 ไป หา 1...คิดแบบนี้ ถูกมั้ยครับ
ถ้าสมมุติ คนเราเกิดมา อายุทั้งหมด 80 ปี ครึ่งชีวิตคือ 40 ปี ..จาก 1 ถึง 40 เป็นการโต แต่จาก 40 ถึง 80 เป้นการนับถอยหลัง เป็นการถอยหลังสู่การเสื่อม สู่การแตกดับ...คิดแบบนี้ได้มั้ยครับ
เราจุดบั้งไฟ ให้ มันขึ้นไปตรงๆ จากจุดเริ่มต้น...ขึ้นไปจนหมดเชื้อเพลิง จนถึงจุดสูงสุด แล้วบั้งไฟ ก็กลับ ลงมาและ ตกลง ที่จุดเดิม....ถามว่า การลอยและการตกที่ผ่ามานั้น...มันไม่เหลืออะไร เหมือนไม่เคยมีอยู่เลย...มีแค่ จุดเริ่มหรือจุดตก ที่เป็นจุดเดิม...เป็นจุดเดียวกัน....เหลือจุดเดียว..คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
การเดินจงกลม จากจุดหยุดนิ่ง คือ จุดเริ่มต้น แล้วเริ่มเดิน เป็นการเริ่มเกิดขึ้น ที่ก้าวแรก และ เดินจนถึงจุด วกกลับ แล้วเดินกลับมา ที่จุดเริ่มต้นใหม่ ที่จุดเดิม...แสดงว่า การเดินที่ผ่านมานั้น ...เหมือนไม่เคยเดิน คิดแบบนี้ได้มั้ยครับ
แสดงว่า จุดที่เกิดขึ้น กลับ จุดที่ดับไป ...เป็นจุดเดียวกัน...มันรวมการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...ที่จุดเดียวกัน....รวมเอาไว้ ที่ จุดเดียว....จุดเดียว ..คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
แล้ว ในโลกเรา ทุกชีวิต เช่น มนุษย์เรา.....ร่างกาย มนุษย์เรา...ถ้าเปรียบเหมือน จุดเดียว ที่ รวมเอาไว้ทั้ง ...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป...รวมเป็นจุดเดียวทั้ง อดีตปัจจุบันอนาคต.....ในร่างเดียว สมมุติเดียว ชีวิตเดียว....ผมคิดแบบนี้ได้มั้ยครับ
ดังนั้นมนุษย์ที่มีชีวิตเดียว ร่างเดียว จุดเดียว แต่ ก็รวมไตรลักษณ์ คือ
รวมเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ในร่างเดียวจิตเดียว
รวมอดีตปัจจุบันอนาคต ในร่างเดียวจิตเดียว
รวมนรกโลกสวรรค์ ในร่างเดียวจิตเดียว.......จุดเดียว
จุดเดียว คือ อัตตา ที่เกิดบน อนัตตา......รวมลงมาที่จุดเดียว จุดเกิดคือจุดจบ...
แสดงว่า สิ่งมีชีวิต หรือโลก ที่เปลี่ยนได้ ไม่เที่ยง ที่เคลื่อน ที่ ตลอดเวลานั้น...มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...มีแต่ในโลกเท่านั้น....แสดงว่า ความจริง สิ่งนี้ มันมีแสดงอยู่ที่เดียวคือโลก ไช่มั้ยครับ โลกคือที่แสดงไตรลักษณ์ได้ แสดงว่าความจริงนี้ แสดงอยู่ มีอยู่ และเรียนรู้ ได้ เฉพาะในโลกนี้ เท่านั้น ไช่มั้ยครับ
โลกเท่านั้นที่แสดงธรรม โลกเท่านั้นที่เคลื่อนไหว....ความจริงที่แสดง แสดงได้ ที่โลกเท่านั้น..ดังนั้น พระพุทธเจ้า จึง ตรัสรู้ ในโลก...คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
ในพืชที่เล็กที่สุดคือเซลล์ ถามว่าเซลล์มันนิ่งหรือ มันเคลื่อนอยู่ครับ
ไม้เกาหลัง..ตะปู.ถามว่า มันนิ่งหรือมั่นเคลื่อนครับ
การนับ 1 ถึง 100 ถ้า 100คือ จุดจบ ดังนั้น ถ้าการนับ คือการเติบโต..ก็แสดงว่าเป็นการเติบโต ไปสู่จุดดับ จุดเสื่อม...ถ้าจะนับแบบ การนับ ถอยหลัง จาก 100 ไป หา 1...คิดแบบนี้ ถูกมั้ยครับ
ถ้าสมมุติ คนเราเกิดมา อายุทั้งหมด 80 ปี ครึ่งชีวิตคือ 40 ปี ..จาก 1 ถึง 40 เป็นการโต แต่จาก 40 ถึง 80 เป้นการนับถอยหลัง เป็นการถอยหลังสู่การเสื่อม สู่การแตกดับ...คิดแบบนี้ได้มั้ยครับ
เราจุดบั้งไฟ ให้ มันขึ้นไปตรงๆ จากจุดเริ่มต้น...ขึ้นไปจนหมดเชื้อเพลิง จนถึงจุดสูงสุด แล้วบั้งไฟ ก็กลับ ลงมาและ ตกลง ที่จุดเดิม....ถามว่า การลอยและการตกที่ผ่ามานั้น...มันไม่เหลืออะไร เหมือนไม่เคยมีอยู่เลย...มีแค่ จุดเริ่มหรือจุดตก ที่เป็นจุดเดิม...เป็นจุดเดียวกัน....เหลือจุดเดียว..คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
การเดินจงกลม จากจุดหยุดนิ่ง คือ จุดเริ่มต้น แล้วเริ่มเดิน เป็นการเริ่มเกิดขึ้น ที่ก้าวแรก และ เดินจนถึงจุด วกกลับ แล้วเดินกลับมา ที่จุดเริ่มต้นใหม่ ที่จุดเดิม...แสดงว่า การเดินที่ผ่านมานั้น ...เหมือนไม่เคยเดิน คิดแบบนี้ได้มั้ยครับ
แสดงว่า จุดที่เกิดขึ้น กลับ จุดที่ดับไป ...เป็นจุดเดียวกัน...มันรวมการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...ที่จุดเดียวกัน....รวมเอาไว้ ที่ จุดเดียว....จุดเดียว ..คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
แล้ว ในโลกเรา ทุกชีวิต เช่น มนุษย์เรา.....ร่างกาย มนุษย์เรา...ถ้าเปรียบเหมือน จุดเดียว ที่ รวมเอาไว้ทั้ง ...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป...รวมเป็นจุดเดียวทั้ง อดีตปัจจุบันอนาคต.....ในร่างเดียว สมมุติเดียว ชีวิตเดียว....ผมคิดแบบนี้ได้มั้ยครับ
ดังนั้นมนุษย์ที่มีชีวิตเดียว ร่างเดียว จุดเดียว แต่ ก็รวมไตรลักษณ์ คือ
รวมเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ในร่างเดียวจิตเดียว
รวมอดีตปัจจุบันอนาคต ในร่างเดียวจิตเดียว
รวมนรกโลกสวรรค์ ในร่างเดียวจิตเดียว.......จุดเดียว
จุดเดียว คือ อัตตา ที่เกิดบน อนัตตา......รวมลงมาที่จุดเดียว จุดเกิดคือจุดจบ...
แสดงว่า สิ่งมีชีวิต หรือโลก ที่เปลี่ยนได้ ไม่เที่ยง ที่เคลื่อน ที่ ตลอดเวลานั้น...มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...มีแต่ในโลกเท่านั้น....แสดงว่า ความจริง สิ่งนี้ มันมีแสดงอยู่ที่เดียวคือโลก ไช่มั้ยครับ โลกคือที่แสดงไตรลักษณ์ได้ แสดงว่าความจริงนี้ แสดงอยู่ มีอยู่ และเรียนรู้ ได้ เฉพาะในโลกนี้ เท่านั้น ไช่มั้ยครับ
โลกเท่านั้นที่แสดงธรรม โลกเท่านั้นที่เคลื่อนไหว....ความจริงที่แสดง แสดงได้ ที่โลกเท่านั้น..ดังนั้น พระพุทธเจ้า จึง ตรัสรู้ ในโลก...คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
ภพภูมิอื่น มีแต่นาม ที่แสดง ที่เคลื่อน เช่นเทวดา....เกิดแค่นาม เกิดเป็นรูปร่างเลย พอหมดบุญหล่อเลี้ยงก็ดับ นามเลย ..หายวับ...ไม่ได้แสดง รูปที่เคลื่อน ไม่สามารถสัมผัสรูปธรรม ตรงนี้...เลยไม่เห็นธรรมตรงนี้ คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
ดังนั้นแล้วความจริงของรูปนาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 จึงสามารถ รับรู้ และเรียนรู้ได้ และเข้าใจได้ ก็แต่ในโลกนี้เท่านั้น คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
ดังนั้นการรู้ธรรม ความจริง ของไตรลักษณ์นี้ จึงมีแต่ในโลก กับ มนุษย์เท่านั้น ไช่มั้ยครับ
และรูปนามที่จะรู้ธรรม ความจริง ในสิ่งที่ไม่เที่ยง ในสิ่งที่เคลื่อนอยู่ทั้งหลาย ต้องเป็นรูปนามที่ หยุดแล้ว สงบแล้ว นิ่งแล้ว ไม่วิ่งแล้ว จึงจะสามารถ มองเห็น สิ่งที่เคลื่อน สิ่งที่ไม่นิ่ง สิ่งที่ไม่เที่ยง ว่า มันล้วนแล้วแต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป ด้วยกันทั้งสิ้น..แสดงว่า ถ้า จุดเดียว ชีวิตเดียว จิตเดียว นิ่ง สงบ ไม่หลง ไม่เผลอ ไม่เคลื่อน ....จุดเดียวนี้ ก็จะ เห็นความจริงของทุกสิ่งในโลกที่มันเคลื่อนอยู่ ไม่นิ่งอยู่ ไม่เที่ยงอยู่ และจะเข้าใจไตรลักษณ์ เข้าใจธรรม เข้าใจความจริง....จะได้ เข้าใจเหมือนที่เจ้าชายสิทธัตถะ เข้าใจนั้น...คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
ดังนั้นแล้วความจริงของรูปนาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 จึงสามารถ รับรู้ และเรียนรู้ได้ และเข้าใจได้ ก็แต่ในโลกนี้เท่านั้น คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ
ดังนั้นการรู้ธรรม ความจริง ของไตรลักษณ์นี้ จึงมีแต่ในโลก กับ มนุษย์เท่านั้น ไช่มั้ยครับ
และรูปนามที่จะรู้ธรรม ความจริง ในสิ่งที่ไม่เที่ยง ในสิ่งที่เคลื่อนอยู่ทั้งหลาย ต้องเป็นรูปนามที่ หยุดแล้ว สงบแล้ว นิ่งแล้ว ไม่วิ่งแล้ว จึงจะสามารถ มองเห็น สิ่งที่เคลื่อน สิ่งที่ไม่นิ่ง สิ่งที่ไม่เที่ยง ว่า มันล้วนแล้วแต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป ด้วยกันทั้งสิ้น..แสดงว่า ถ้า จุดเดียว ชีวิตเดียว จิตเดียว นิ่ง สงบ ไม่หลง ไม่เผลอ ไม่เคลื่อน ....จุดเดียวนี้ ก็จะ เห็นความจริงของทุกสิ่งในโลกที่มันเคลื่อนอยู่ ไม่นิ่งอยู่ ไม่เที่ยงอยู่ และจะเข้าใจไตรลักษณ์ เข้าใจธรรม เข้าใจความจริง....จะได้ เข้าใจเหมือนที่เจ้าชายสิทธัตถะ เข้าใจนั้น...คิดแบบนี้ ได้มั้ยครับ



































