ความเมตตา ในใจตนเอง ของ ทุกคนนั่นแหล่ะ....มันคือ ความดี กุศล ที่เป็นเชื้อ แห่งความดี นำพา ตัวท่านเอง ให้ได้พบกับ.....ศาสนาพุทธะ.....
แต่ไม่ได้หมายความว่า.....เส้นทาง มันจะง่าย โดย นั่งเฉยๆ แล้วเข้าใจ มันมาได้ ...ไม่
...
การทำทาน ความเมตตาที่ท่าน มีกับผู้อื่น...มันแค่ เป็นเหมือนกุญแจ เปิดประตูใจ ของท่านเท่านั้น.....เป็นแค่ กุญแจแห่งศรัทธา เพื่อ ...เปิดประตู บานแรก เท่านั้น
เพราะว่า...ความตั้งมั่น ความเพียร ขันติ ...เส้นทางที่ท่านต้องเดิน สู่ ความจริงนั้น...มัน ต้องแลกด้วย สมมุติ ทั้งหมด ที่ท่านมี.....
ท่านต้อง เชื่อ และศรัทธา...จากในหัวใจ ของตัวท่านเอง โดยหามีใคร บังคับ ข่มขู่ หรือ หลอกลวง ให้ ท่าน เชื่อ หรือ ศรัทธา ...ด้วย เล่ห็กลใดใดไม่
วัดศรัทธา...ด้วยใจ ล้วนๆ...นั่นก็คือ..ยอมสละทั้ง ชีวิตและจิตใจ..เท่านั้น
ทาน ศีล ภาวนา
ศีล สมาธิ ปัญญา
1.ละชั่วคือ ละเส้นทาง ที่ร้อนๆ 2.ยึดมั่นทางกุศล คือ หาเส้นทาง ที่ร่มเย็น 3.ชำระจิตของตนให้ พ้นจาก สมมุติ ทั้งปวง..พ้นจาก อุปทานใจทั้งหลาย ให้ได้
แต่ไม่ได้หมายความว่า.....เส้นทาง มันจะง่าย โดย นั่งเฉยๆ แล้วเข้าใจ มันมาได้ ...ไม่
...
การทำทาน ความเมตตาที่ท่าน มีกับผู้อื่น...มันแค่ เป็นเหมือนกุญแจ เปิดประตูใจ ของท่านเท่านั้น.....เป็นแค่ กุญแจแห่งศรัทธา เพื่อ ...เปิดประตู บานแรก เท่านั้น
เพราะว่า...ความตั้งมั่น ความเพียร ขันติ ...เส้นทางที่ท่านต้องเดิน สู่ ความจริงนั้น...มัน ต้องแลกด้วย สมมุติ ทั้งหมด ที่ท่านมี.....
ท่านต้อง เชื่อ และศรัทธา...จากในหัวใจ ของตัวท่านเอง โดยหามีใคร บังคับ ข่มขู่ หรือ หลอกลวง ให้ ท่าน เชื่อ หรือ ศรัทธา ...ด้วย เล่ห็กลใดใดไม่
วัดศรัทธา...ด้วยใจ ล้วนๆ...นั่นก็คือ..ยอมสละทั้ง ชีวิตและจิตใจ..เท่านั้น
ทาน ศีล ภาวนา
ศีล สมาธิ ปัญญา
1.ละชั่วคือ ละเส้นทาง ที่ร้อนๆ 2.ยึดมั่นทางกุศล คือ หาเส้นทาง ที่ร่มเย็น 3.ชำระจิตของตนให้ พ้นจาก สมมุติ ทั้งปวง..พ้นจาก อุปทานใจทั้งหลาย ให้ได้
ความเป็น มนุษย์ ผู้ประเสริฐ ก็คือ เป็นพุทธะ....ผุ้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน...ด้วย ใจ
ทำปัจจุบันให้มันดีพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วย สติที่ฝึกมาดีแล้ว...ไม่หลงโลก ไม่หลงสมมุติ ไม่หลง ดี ชั่ว ไม่หลงอุปทานใจ ทั้งหลาย....
เมื่อ ปัจจุบันดี ปัจจุบันที่ดี กลายเป็นอดีต ก็ จะเป็น อดีตที่ดี.....ปัจจุบัน ดี คือ เหตุปัจจัย ที่ ส่งผล ให้ อนาคต ดีแน่นอน......เมื่อไม่ทุกข์กับ ...อดีต ปัจจุบัน อนาคต...ได่ ก็ แสดงว่า ท่าน เป็น ผู้ ไม่ทุกข์ ไปกับ ...อดีต ปัจจุบัน อนาคต....อีกแล้ว
ท่านไม่ทุกข์กับ ....อดีต ที่ไม่เป็นนรก.....ปัจจุบันที่ไม่เป็น นรก....แต่เป็นปัจจุบันที่เป็นดั่งสวรรค์บนดิน ชีวิตจิตใจ โลกที่สวยงาม.....ดังนั้น เมื่อปัจจุบัน ดีแล้ว สมบูรณ์แล้ว....พอเพียง สุขแล้ว...อนาคตหรือ จะต้อง ขวนขวย อีก ทำไมเล่า.....เมื่อปัจจุบัน อิ่มแล้ว ไม่หิวแล้ว ก็ไม่ต้อง...คิดหา ค้นหา วิ่งไล่....ให้ เสียเวลาที่สุข อยู่กับปัจจุบัน
นี่แหล่ะ คือ ผู้ ที่ไม่ทุกข์กับ อดีต ปัจจุบัน อนาคต....ไม่มีนรกในอดีต ไม่หวังสวรรค์จากอนาคต....มันก็คือ ปัจจุบัน ที่ ดีแล้ว......เรียกว่า...ประเสริฐ แล้ว นี่เอง
นี่แหล่ะ พุทธะ...ผู้รู้ ผู้ ตื่น ผู้เบิกบาน....ผู้ ชนะ สามโลก
ทำปัจจุบันให้มันดีพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วย สติที่ฝึกมาดีแล้ว...ไม่หลงโลก ไม่หลงสมมุติ ไม่หลง ดี ชั่ว ไม่หลงอุปทานใจ ทั้งหลาย....
เมื่อ ปัจจุบันดี ปัจจุบันที่ดี กลายเป็นอดีต ก็ จะเป็น อดีตที่ดี.....ปัจจุบัน ดี คือ เหตุปัจจัย ที่ ส่งผล ให้ อนาคต ดีแน่นอน......เมื่อไม่ทุกข์กับ ...อดีต ปัจจุบัน อนาคต...ได่ ก็ แสดงว่า ท่าน เป็น ผู้ ไม่ทุกข์ ไปกับ ...อดีต ปัจจุบัน อนาคต....อีกแล้ว
ท่านไม่ทุกข์กับ ....อดีต ที่ไม่เป็นนรก.....ปัจจุบันที่ไม่เป็น นรก....แต่เป็นปัจจุบันที่เป็นดั่งสวรรค์บนดิน ชีวิตจิตใจ โลกที่สวยงาม.....ดังนั้น เมื่อปัจจุบัน ดีแล้ว สมบูรณ์แล้ว....พอเพียง สุขแล้ว...อนาคตหรือ จะต้อง ขวนขวย อีก ทำไมเล่า.....เมื่อปัจจุบัน อิ่มแล้ว ไม่หิวแล้ว ก็ไม่ต้อง...คิดหา ค้นหา วิ่งไล่....ให้ เสียเวลาที่สุข อยู่กับปัจจุบัน
นี่แหล่ะ คือ ผู้ ที่ไม่ทุกข์กับ อดีต ปัจจุบัน อนาคต....ไม่มีนรกในอดีต ไม่หวังสวรรค์จากอนาคต....มันก็คือ ปัจจุบัน ที่ ดีแล้ว......เรียกว่า...ประเสริฐ แล้ว นี่เอง
นี่แหล่ะ พุทธะ...ผู้รู้ ผู้ ตื่น ผู้เบิกบาน....ผู้ ชนะ สามโลก
รูปใบนี้....แสดงถึงว่า มีหลายๆ คน ที่ มีสภาวะจิต...เข้าถึงความเป็นอรหันต์...ตรงนี้ อยู่กับสภาวะนี้
แต่ไม่รู้ว่า....จะ จัดการ กับ...วิญญาณ สังขาร สัญญา...สิ่งที่รู้ ตัวรู้ สิ่งที่คิด ตัวที่จำ ตัวที่ไม่ลืม สิ่งที่มี อัตตาตัวตน ที่มองไม่เห็น ความอยากที่มองไม่เห็น ..เหล่านี้ได้ยังไง
.....
ตรงนี้แหล่ะ....ใจไม่เปิด ศรัทธาไม่มีจริง.....ถ้าไม่เก่งเท่าพระพุทธเจ้า....อย่าคิดว่า จะทำเอง ได้ง่ายๆ เลย.....ตราบใดที่ ตนเองเก่งอยู่....ตนเองจะทำเอง ตนเองจะอยากรู้เอง...ก็จงทำไปเถอะ คงจะ..ได้คำตอบอยู่หรอก....
เพราะ ถ้าคิดเช่นนี้....ก็คงไม่มี คำว่า..ตถาคต..(แปลว่า ผู้ ชี้ ผู้ บอกทาง) ..หรอกมั้ง...ถ้าคิดจะทำเอง ค้นหาด้วยตัวเอง....คำว่า ผู้ชี้ทาง ผู้ บอกทาง...ก็ ดูเหมือน ว่า จะไร้ค่า ไร้ราคา เพราะท่านไม่ได้ ศรัทธา อะไร กับ ตถาคต....ของท่านเอาเสียเลย
ในการเดินทาง....ถ้าไม่ให้ความสำคัญ กับ ข้อมูลจากคนอื่น แผนที่ เส้นทาง และ ป้ายบอกทางแล้ว....ท่านจะงมหาเข็มในมหาสมุทรด้วยตัวเอง ก็ ไม่มีใครว่าท่านหรอกครับ เชิญตามสบาย
ถ้าคำว่า ตถาคต ไม่จำเป็น ไม่ต้องมี ....นั่นคือ ท่าน ไม่ได้ ศรัทธา...ต่อ ศาสดา..ของท่านเลย....
พวกท่าน ก็เลย ไม่เคย...เห็น ตถาคต....กับเขา จริงๆ สักที
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้ นั้นเห็นเรา ตถาคต......อ่านกลับว่า....ผู้ใดเห็นตถาคต เชื่อ และศรัทธา ตถาคต ผู้นั้น ก็เห็นธรรม รู้ธรรม เช่นเดียวกับ ตถาคต.......แน่นอน
เอวัง..
แต่ไม่รู้ว่า....จะ จัดการ กับ...วิญญาณ สังขาร สัญญา...สิ่งที่รู้ ตัวรู้ สิ่งที่คิด ตัวที่จำ ตัวที่ไม่ลืม สิ่งที่มี อัตตาตัวตน ที่มองไม่เห็น ความอยากที่มองไม่เห็น ..เหล่านี้ได้ยังไง
.....
ตรงนี้แหล่ะ....ใจไม่เปิด ศรัทธาไม่มีจริง.....ถ้าไม่เก่งเท่าพระพุทธเจ้า....อย่าคิดว่า จะทำเอง ได้ง่ายๆ เลย.....ตราบใดที่ ตนเองเก่งอยู่....ตนเองจะทำเอง ตนเองจะอยากรู้เอง...ก็จงทำไปเถอะ คงจะ..ได้คำตอบอยู่หรอก....
เพราะ ถ้าคิดเช่นนี้....ก็คงไม่มี คำว่า..ตถาคต..(แปลว่า ผู้ ชี้ ผู้ บอกทาง) ..หรอกมั้ง...ถ้าคิดจะทำเอง ค้นหาด้วยตัวเอง....คำว่า ผู้ชี้ทาง ผู้ บอกทาง...ก็ ดูเหมือน ว่า จะไร้ค่า ไร้ราคา เพราะท่านไม่ได้ ศรัทธา อะไร กับ ตถาคต....ของท่านเอาเสียเลย
ในการเดินทาง....ถ้าไม่ให้ความสำคัญ กับ ข้อมูลจากคนอื่น แผนที่ เส้นทาง และ ป้ายบอกทางแล้ว....ท่านจะงมหาเข็มในมหาสมุทรด้วยตัวเอง ก็ ไม่มีใครว่าท่านหรอกครับ เชิญตามสบาย
ถ้าคำว่า ตถาคต ไม่จำเป็น ไม่ต้องมี ....นั่นคือ ท่าน ไม่ได้ ศรัทธา...ต่อ ศาสดา..ของท่านเลย....
พวกท่าน ก็เลย ไม่เคย...เห็น ตถาคต....กับเขา จริงๆ สักที
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้ นั้นเห็นเรา ตถาคต......อ่านกลับว่า....ผู้ใดเห็นตถาคต เชื่อ และศรัทธา ตถาคต ผู้นั้น ก็เห็นธรรม รู้ธรรม เช่นเดียวกับ ตถาคต.......แน่นอน
เอวัง..






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น